ท่องเที่ยวทั่วไป

ใครไม่เย็นแต่ “ช่องเย็น” หนีความวุ่นวายไปพักผ่อนกับธรรมชาติ

หลายๆคนต่างก็มีภาระหน้าที่ ที่ต้องเผชิญในแต่ละวัน ซึ่งก็มีแต่ความวุ่นวายเต็มไปหมด คงจะดีถ้าเราได้ไปพักที่ไหนสักที่ ที่ “เงียบสงบ” และ “ไม่วุ่นวาย” ซึ่งแน่นอนว่าคงหนีไม่พ้น ธรรมชาติ อย่างแน่นอน

ทำไมถึงต้องที่ช่องเย็น ?

ก็เพราะว่าเป็นช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ (วันอาทิตย์) แต่รู้สึกอยากเที่ยวอยากพักผ่อน แล้วก็ไม่อยากไปที่ไหนไกล เพราะว่าวันจันทร์ต้องทำงานกัน เดี๋ยวกลับไม่ทัน อีกอย่างก็เข้าใกล้หน้าหนาว ประกอบกับชอบเที่ยวแนวภูเขาๆด้วย จึงตัดสินใจไปที่ “ช่องเย็น” ซึ่งก็คิดได้ปุ๊ป! ก็ไปปั๊ป! ในทันที แต่ว่าก็ขอเวลาเตรียมตัวซักหน่อยน่ะ…

ไปยังไง ?

ถึงช่องเย็นจะอยู่ในกำแพงเพชรก็จริงนะ และถึงแม้ว่าจะเคยไปกันมาแล้ว แต่ทำไม๊ ทำไม ยังไปไม่ถูก งานนี้ต้องพึ่งพา Google map แล้วหละ

พอได้พิกัดแล้วก็ไปกันเลยยยยยยยยยยย อ้อลืมบอก เราขับมอไซค์ไปน่ะ เพราะว่าอากาศไม่ร้อนฟ้าครึ้มคือดีมาก

ขับไปได้สักพักก็แวะหาอะไรกินที่ 7-11 กะว่าจะแวะไปกินก๋วยเตี๋ยวแต่ว่าร้านปิด T_T เศร้าใจแต่ก็ไม่เป็นไร 7-11 ก็ได้ นั่งกินขนมสักพัก ก็เตรียมของใส่กระเป๋าใส่ถุงหิ้วให้พร้อม เพราะเราจะเดินทางกันต่อแบบยาวๆ

ถึงแล้ว!!???

ใจเย็นๆเพิ่งถึงหน้าทางเข้า ซึ่งก็มีการตรวจวัดอุณหภูมิกันก่อน แล้วก็ลงชื่อพร้อมกับจ่ายเงินค่าเข้า

ค่าเข้าอุทยานคนละ 40 บาท
ค่าผ่านรถ มอไซค์ 20 เก๋ง กระบะ 30 
ค่าพักแรมคนละ 50 บาท

เส้นทางช่องเย็น

ขับมาได้สักพักนี่มีอาการหนาวเลยแหละ (ปกติก็ขี้หนาวอยู่แล้ว) ขับไปสั่นไป แต่ก็ต้องเก็บอาการ 55+

จุดเริ่มต้นการเดินทาง 01.11.2020

ขับไปได้สักหน่อย รถเริ่มมีอาการงอแง ถึงอากาศที่นี่จะหนาวแค่ไหน แต่รถไม่หนาวตาม ขี่มาไกลก็ต้องเครื่องร้อนเป็นธรรมดาแหละ แวะพักก่อนละกัน

เปิดเบาะมาแล้วรู้สึกชื่นใจ ของกินเพียบเลย รถที่มีช่องเก็บของใหญ่ๆมันก็ดีอย่างนี้นี่เอง ^_^ ซึ่งตลอดข้างทางจะมีวิวสวยๆให้เราแวะถ่ายรูป

เมื่อรถพร้อม คนก็พร้อมก็ไม่รอช้าขับไปต่อกันเลย

และเราก็มาถึงจุดชมวิว “กิ่วกระทิง” ซึ่งที่นี่เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 890 เมตร แต่ว่าเรามาถึงตรงนี่ก็เที่ยงกว่าแล้ว พระอาทิตย์คงขึ้นไปไกลแล้วแหละ…

ถึงไม่เหมือนแต่ก็ไม่ต่าง?

และแล้วเราก็มาถึงจุดที่เป็นไฮไลท์เลยก็ว่าได้ ซึ่งจุดนี่สวยมากๆ บรรยากาศฟินสุดๆ ซึ่งที่นี่ก็คือ “โมโกจูน้อย” ถ้าโมโกจูของจริงเราคงไปไม่ไหว เห็นเขาบอกว่าเดินทางกัน 4-5 วันเลยทีเดียว แต่ก็ไม่เป็นไรมาที่ตรงนี้แทนละกัน แทนกันได้แหละว่าป่ะ

ถ้าเราเดินลงมาจากยอดจุดชมวิวโมโกจูน้อย เราก็จะพบกับวิวยอดเขาอันกว้างใหญ่มองไปทางไหนก็สบายตา พร้อมกับสูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด

หรือจะไปยืนตรงบริเวณจุดชมวิวที่ยื่นออกไปให้เราได้ยืนใกล้ชิดกับธรรมชาติมากยิ่งขึ้น “ให้ธรรมชาติโอบกอบเรา”

จุดหมายที่ไม่มีที่สิ้นสุด

ตลอดข้างทางเราแวะชมวิวกันไปหลายที่ ทุกครั้งที่เราแวะจอดดูความงดงามของธรรมชาติ อยู่กับความเงียบสงบ ช่วงเวลาเหล่านี้มันทำให้เราอยู่กับตัวเอง ได้ฟังเสียงตัวเองมากขึ้น ได้คิดทบทวนเรื่องราวๆต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิต…แต่เราก็อยู่ได้ไม่นานก็ต้องรีบไปต่อ เพราะว่าเรายังไม่ถึงจุดหมายเลย แล้วเวลาก็ใกล้จะหมดแล้ว เฮ้อ…ป่ะ ไปกันต่อดีกว่า

ในที่สุด….เราก็มาถึงจุดหมายของเราแล้ว ซึ่งตรงนี้เป็นลานกางเต้นท์สำหรับนักท่องเที่ยว เมื่อคุณนอนตื่นมาคุณก็จะได้พบกับวิวที่สวยงาม พร้อมกับอากาศที่แสนจะเย็นสบาย(สำหรับบางคน 55+) ซึ่งก็มีห้องน้ำ กับร้านค้าของทางเจ้าหน้าที่ ที่คอยอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว

แต่ว่าตรงนี้ไม่ใช่จุดหมายที่แท้จริงของเราหรอก…เราจะเดินไปที่ “ภูสวรรค์” ต้องเดินเท้าขึ้นไปอีกประมาณ 300 กว่าเมตร ดูเหมือนจะไม่ไกลเท่าไร

ทางเดินช่วงแรกเหมือนหลอกให้เราดีใจ เป็นทางเดินขั้นบันได แต่ว่าพอเดินมาเรื่อยๆความจริงก็เริ่มปรากฏ ต้องเดินไปตามหิน ทางเดินดิน

ด้วยความที่ทางเริ่มเดินยาก และยิ่งสูงก็ทำให้รู้สึกเหนื่อยเร็ว ชนิดที่ว่าเดิน 20 ก้าว พัก 20 นาที

แหงนมองขึ้นไป โอ้…นั่นไงจุดหมายของเราใกล้แล้วๆ ใกล้ตายแล้ว…..ไม่สิยังตายไม่ได้ยังไม่ทันถึงจุดหมายเลย แวะเติมพลังอีกสักหน่อยจะได้มีแรงเดินต่อ

เหนื่อยแล้วไง…ไปถึงก็แล้วกัน

หลังจากที่ใช้เวลาเดินอยู่พักนึง กับอาการที่แสนเหนื่อยแต่สุดท้ายก็มาถึงจนได้ คงจะเหมือนกับที่เราเหนื่อยกับเรื่องอะไรก็ไม่รู้ในแต่ละวันทั้งในการทำงาน หรือการใช้ชีวิตทั่วไป เราก็บ่นเหนื่อยตลอดๆ แต่สุดท้ายเราก็ผ่านมันไปได้ในแต่ละวัน เพราะอะไร…..เพราะเรามีจุดหมายไง เราคิดว่าข้างหน้ามันคงจะดีแน่ๆ นึกถึงแล้วก็มีแรงเดินต่อ

ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วการที่เรามาถึงจุดหมาย บางทีก็อาจจะไม่ได้สวยงาม หรือเป็นไปตามที่เราคิดเสมอไป แต่อย่างน้อยเราก็ได้ทำมัน

สำหรับใครที่อยากถ่ายรูปสวยๆไว้โพสต์ลงอวดเพื่อนๆก็ต้องขอแสดงความเสียใจด้วยนะ ที่นี่ไม่มีสัญญาณ ตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ 55+ อยู่กับตัวเองกับคนรอบข้างได้เต็มที่

สิ้นสุดเพื่อเริ่มต้นใหม่…

กว่าเราจะถึง “ภูสวรรค์” ก็เป็นเวลากว่า 3 โมงเย็นแล้ว นั่งถ่ายรูปบนนี้พักนึงก็ต้องรีบกลับ เพราะกว่าจะถึงบ้านคงจะมืด รีบกลับไปพักผ่อนเพราะพรุ่งนี้ต้องไปทำงานต่ออีก

วันหยุดมันช่างผ่านไปไวเหลือเกิน ทริปช่องเย็นในวันนี้ ก็คงจะสิ้นสุดแล้วหล่ะ ถึงแม้ว่ากว่าจะได้มาที่นี่ เราต้องจัดการงานที่บ้าน เก็บของ จัดนู้นนี่นั่น โชคดีนะอากาศเป็นใจแดดไม่ร้อน และก็โชคดีที่ฝนไม่ตก ถึงแม้ว่าตอนขับมาจะรู้สึกถึงละอองฝน แต่สุดท้ายเราก็ถึงจุดหมายจนได้ นี่แหละทุกๆการเดินทางมักจะมีเรื่องราวต่างซ่อนไว้เสมอ…ทริปจบ แต่เราก็ต้องไปเริ่มต้นใช้ชีวิตใหม่ในแต่ละวันต่อไป และก็รอคอยวันหยุดต่อไปเหมือนเดิม ^_^

i hate monday !!!

wasunan
วิดีโอทริปช่องเย็น

Nidkoma

ชื่นชอบในการเขียนบทความ และการหาความรู้ในด้านต่างๆ ชอบถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ ชอบฟัง แต่ไม่ชอบพูดมั้ง ?? ^ ^

Related Articles

Back to top button